ads 1081*250

ads 1081*250

บทความที่ได้รับความนิยม

ประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง 2557 สกลนคร



#yaipearn #ThailandOnly #Photowalk #SakonNakhon #Aerial





การแห่ปราสาทผึ่งเป็นประเพณีที่สืบต่อกันมาแต่โบราณของชาวจังหวัดสกลนคร เป็นประเพณีที่มีความเชื่อในเรื่องของหนองหาน และมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องภูตผีวิญญาณ แต่อย่างไรก็ตามการแห่ปราสาทผึ้งนั้นล้วนมีรากฐานความเชื่อมาจากพุทธศาสนา


ประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง
ประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง เป็นประเพณีที่ชาวสกลนครจัดขึ้นทุกปี เพื่อถวายแก่องค์พระธาตุเชิงชุมและหลวงพ่อองค์แสน ซึ่งเป็นแหล่งเคารพนับถือ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวสกลมาช้านาน โดยการแห่ปราสาทผึ้งถือเป็นประเพณีสำคัญงานหนึ่ง ในฮีตเดือนสิบเอ็ด ตามหลักฮีตสิบสองคองสิบสี่ของชาวอีสาน


ประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง
ถือได้ว่าประเพณีแห่ปราสาทผึ้งเป็นงานหลักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดประจำปีของชาวสกลนครก็ว่าได้ โดยกำหนดให้มีการจัดงานในวันออกพรรษา ระหว่างวันขึ้น 12-15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี เป็นประเพณีที่แสดงออกถึงศิลปวัฒธรรมอันดีงามของจังหวัดสกลนครที่ได้ปฏิบัติกันมาช้านานจนกระทั่งถึงปัจจุบัน




























































ขอบคุณ

งานสื่อมวลชนสัมพันธ์ในประเทศ  กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ  ชั้น 15
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
โทรศัพท์ 0 2250 5500 ต่อ 4525- 9 โทรสาร 0 2250 5681 - 3
อีเมลล์ : prdiv7@tat.or.th

เราออกเดินทางกันแต่เช้าครับ หกโมงเช้า จากกรุงเทพ แล้วก็ยิงยาวไปเลย
บ้านไผ่  สารคาม ทานเตี๋ยวหมู แล้วก็ยิงยาว เข้า สกลนคร


ร้านเตี๋ยวหมู น้ำตก  
พิกัด 16 11.2568N 103 18.2258E
แล้วก็ ไปต่อกันที่ สกลนครเลยครับ  ประมาณสี่โมงเย้น


มาถึงงาน ก็ ให้รถตุ้มาส่งใกล้ แล้วก้นัดเวลากันกลับ ประมาณ สองทุ่มครับ
เดินชมงาน กันดีกว่า
ฟ้าไม่สวยไม่ต้องไปสนใจ  สายไฟเยอะ เกะกะ ถ่ายไว้ก่อนครับ
ขบวน ยาวเต็มถนน รอเวลา แสดง ประมาณ ห้าโมงกว่า
งานนี้ ถ่ายคนก็สวยครับ จัดกันมาเต็ม


ประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง
     การแห่งปราสาทผึ้ง  เป็นประเพณีโบราณอีสาน มุ่งทำเป็นพุทธบูชา หรือเกี่ยวข้อง กับความเชื่อทางศาสนา คำว่า "ปราสาทผึ้ง" ในภาษาอีสานจะออกเสียง "ผาสาทเผิ่ง"
      ความเชื่อเรื่องการแห่ปราสาทผึ้ง  เกี่ยวเนื่องกับพิธีกรรมทางพุทธศาสนา โดยเริ่ม พิธีกรรมนี้ ในภาคอีสาน ตั้งแต่เมื่อใดนั้นไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด ในตำนาน เรื่องหนองหาน (สกลนคร) กล่าวไว้ว่า ในสมัยขอมเรืองอำนาจ และครองเมืองหนองหานในแผ่นดินพระเจ้าสุวรรณภิงคาราช  ได้โปรดให้ ข้าราชบริพารทำต้นผึ้งหรือปราสาทผึ้งในวันออกพรรษา เพื่อห่คบงันที่วัดเชิงชุม (วัดมหาธาตุเชิงชุมวรวิหาร) จากนั้นเมืองหนองหานได้จัดวันปราสาทผึ้ง ติดต่อกันมาทุกปี
การตกแต่งปราสาทผึ้ง
     ความเชื่อในประเพณีการแห่ปราสาทผึ้งนั้น มีรากฐานของความเชื่อ ที่เนื่องมาจากความเชื่อในพุทธศาสนา ความเชื่อในเรื่องภูตผีวิญญาณ และความเชื่อ ในศาสนาพราหมณ์


ความเชื่อที่เนื่องในพุทธศาสนา ถือเป็นปรัชญานำมาสู่การสร้างปราสาทผึ้งนั้น มีที่มาจากเรื่องราวพุทธประวัติ ซึ่งมีปรากฏในเหตุการณ์ที่สำคัญคือ เหตุการณ์ตอนที่ พระพุทธเจ้าเสด็จไปจำพรรษาที่ป่าปาเลไลยก์ ได้พบช้างและลิงที่มาทำหน้าที่ เป็นอุปัฏฐาก โดยเฉพาะลิงนั้น ได้นำรวงผึ้งมาถวายแด่พระพุทธองค์ เมื่อพระพุทธเจ้า รับรวงผึ้งนั้นไปแัน ทำให้ลิงกระโดดด้วยความดีใจ จนพลาด ตกจากต้นลงมาตาย  ด้วยอานิสงส์ที่ลิงได้ถวายรวงผึ้งแดพระพุทธองค์ (จากการ ที่ผู้จัดทำได้ศึกษาเรื่องนี้ ก็ไม่ปรากฏว่าลิงพลาดตกต้นไม้แต่ประการใด ไม่ทราบว่า คงมีใครเอามาเล่าต่อ ๆ  กันมา) ทำให้ได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และเหตุการณ์ ตอนที่พระพุทธองค์ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ ขณะเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ภายหลังจากที่เสด็จไปจำพรรษา เทศนาโปรดพระพุทธมารดา และเหล่าเทวดา ด้วยการเปิดโลกทั้งสาม คือ สวรรคภูมิ  มนุษยภูมิ และนรกภูมิ ได้เห็นซึ่งกันและกัน โดยตลอด ซึ่งเรียกเหตุการณ์ตอนนี้ว่า เทโวโรหนปริวัตต์  ทำให้ผู้คนเห็น ความแตกต่าง ของความสะดวกสบายบนสวรรคภูมิ และความยากลำบากในนรกภูมิ ด้วยเหตุดังกล่าว ทำให้พุทธศาสนิกชน ได้คิดสร้างอาคารศาสนสถาน ถวายเป็น พุทธบูชาด้วยหวังให้เป็นอานิสงส์เพื่อที่จะได้ไปเกิดบนสวรรค์

ปราสาทผึ้ง แต่งเป็นทรงบุษบก  
ปราสาทผึ้ง แต่งเป็น พระบรมมหาราชวัง
ปราสาทผึ้ง อันสวยสดงดงาม


     ส่วนความเชื่อเกี่ยวกับการสร้างปราสาทผึ้งจาเรื่องไตรภูมิพระร่วง ในพุทธศาสนา ซึ่งเป็นคำสอนที่มีปรากฏในคัมภีร์พุทธศาสนา ที่ว่าด้วยการที่มนุษย์ต้องเวียนว่าย ตายเกิดในโลกภูมิต่าง ๆ  ตามที่ได้ประกอบกรรมดีหรือกรรมชั่วไว้ โดยเฉพาะ ความเชื่อที่ว่า ผู้ที่ประกอบกรรมดีจะได้ไปเกิดบนสวรรค์ภูมิชั้นต่าง ๆ  ที่มีวิมาน ปราสาทเป็นเรือนที่อยู่อาศัย


     ความเชื่อเกี่ยวกับการสร้างปราสาทผึ้งจากเรื่องราวที่ปรากฏในคัมภีร์ มาเลยยเทวัตเถรวัตถุ (เป็นของพระลังกาแต่ง) ที่ได้กล่าวถึงพระมาลัยอรหันต์ ซึ่งเป็นพุทธสาวกองค์หนึ่ง (ไม่ใช่สาวกที่เกิดร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้า แต่เป็นสาวก รุ่นหลัง เหมือนพระนาคเสน และเป็นพระลังกา) ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เคย ไปเทศนาโปรดสัตว์ในนรกภูมิ (ความจริงแล้ว สัตว์นรกไม่สามารถฟังธรรมได้ เพราะอำนาจบาปกรรมที่ทำไว้ ไม่มีปัญญาที่จะรับรู้หรือเข้าใจธรรมได้) และได้เสด็จ ขึ้นไปบนสวรรค์เพื่อไหว้องค์พระโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตไตรย์ (ในตำราทางพุทธ เถรวาท เรียกว่า "พระเมตไตยะ"  ที่จะเสด็จมาตรัสรู้เป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอนาคตกาล หลังจากนั้น พระมาลัยอรหันต์ ได้เทศนาโปรดแก่พุทธศาสนิกชน เพื่อให้ทราบถึงวิธีการสร้างบุญกุศล เพื่อที่จะได้ไปเกิดบนสวรรค์ รวมทั้งการสร้าง อาคารศาสนสถานถวายเป็นพุทธบูชานั้นเป็นหนทางหนึ่ง ที่เป็นอานิสงส์ นำพาให้ได้ ไปเกิดในบนสวรรค์ มีวิมานเป็นที่อยู่อาศัย และมีเหล่านางฟ้าเป็นบริวารด้วย


  ความเชื่อเกี่ยวกับการสร้างปราสาทผึ้ง จากเรื่องการประกอบพิธีพลีดวงวิญญาณ หรือพิธีกงเต็กตามคติในพุทธศาสนามหายาน ด้วยการจัดทำสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ตลอดจนการสร้างบ้านเรือนด้วยกระดาษ ในลักษณะของสิ่งของเครื่องใช้ และบ้านจำลอง แล้วนำมาเผาอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณบรรพบุรุษ ผู้ล่วงลับ ได้นำไปใช้อยู่อาศัยในโลกหน้าต่อไป


     ความเชื่อที่เนื่องในภูตผีวิญญาณ เป็นความเชื่อพื้นบ้านที่ทำให้ชาวอีสาน ถือเป็น ปรัชญาคติที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างปราสาทผึ้ง คือ ความเชื่อที่ว่า คนที่ตายไป แล้ว  ดวงวิญญาณ (ทางพุทธเรียกว่า "โอปปาติกะ = สัตว์จำพวกหนึ่ง ที่ผุดเกิดขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยพ่อแม่ เช่น เทวดา สัตว์นรก เปรต อสุรกาย มนุษย์ต้นกัลป์ ฯลฯ เรียกง่าย ๆ  ว่า กายทิพย์") ก็ยังต้องการสิ่งต่าง ๆ  เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ เป็นคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การต้องการที่อยู่อาศัย ทำให้มีการประกอบพิธีเซ่นสรวง ดวงวิญญาณ ตลอดจนการสร้างเรือนจำลองในลักษณะของศาลหรือหอผี (อีสาน ก็ทำเหมือนจีน คือ เอาไม้ไผ่มาทำเป็นโครงบ้าน แล้วปะด้วยกระดาษ) เพื่ออุทิศ ให้เป็นที่สิงสถิตแก่ดวงวิญญาณด้วย  จากความเชื่อดังกล่าว จึงเป็นแนวคิดส่วนหนึ่ง ที่ปรับเข้ากับการสร้างปราสาทผึ้ง ซึ่งมีลักษณะเป็นอาคารจำลอง เพื่ออุทิศส่วนกุศล จากการสร้างปราสาทผึ้งแก่ดวงวิญญาณบรรพบึรุษ หรือเจ้ากรรมนายเวรผู้ล่วงลับ

   

ขบวนใกล้ที่จะ เคลื่อนแล้วครับ ไปถ่ายสาวๆๆ ดีกว่า


โดยทั่วไป ประชาชนจะนับเอาวันขึ้น  14  ค่ำ เดือน 11 เป็นวัน "โฮม" หรือวันรวมปราสาทผึ้งจากคุ้มต่าง ๆ ที่บริเวณวัด แต่ละคุ้มจะอยู่ซุ้มของตนเอง


     วันรุ่งขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 มีการทำบุญตักบาตร เสร็จแล้วจัดขบวนแห่ปราสาทผึ้ง ในแต่ละขบวน จะแห่ด้วยเกวียนใช้คนเทียมแทนวัว นางฟ้าปราสาทผึ้ง (เทพี) จะนั่งอยู่ตอนหน้าของเกวียน  ตรงกลางเป็น ปราสาทผึ้ง ขบวนแห่มีพิณ กลอง ฆ้อง ตามด้วยขบวนคนหนุ่มสาว และเฒ่าแก่ถือธูป เทียน ประนมมือ แห่ครบ 3 รอบ ก็ถวายแก่ทางวัด ประเพณีปัจจับัน นิยมทำกันมากในสี่จังหวัดภาคอีสาน คือ สกลนคร  นครพนม  หนองคาย และเลย



ขอตัวกลับไปนอนก่อนครับ วันนี้ ทั้งวัน ตั้งแต่ตีห้า กทม มา สกลนคร
คืนนี้เราพักที่  สกลนคร   โรงแรม  เดอะ มาเจสติค สกลนคร  พิกัด 17 9.4213N 104 8.8238E

ไม่มีความคิดเห็น:

PP Tour

ร้านอาหาร

[ร้านอาหาร][bsummary]

www.grandbookinggroup.com

โรงแรม

[โรงแรม][bsummary]

หอพักสตรีสุดารัตน์

อื่น

[อื่น][bleft]

วช

[วช][twocolumns]

หอพักสตรีสุดารัตน์

ภาคกลาง

[ภาคอีสาน][twocolumns]