1.ใ เลขห้าไทยกลับด้าน ที่วัดใหญ่สุวรรณาราม
2.เสลดพม่า
3.ด้านหลังพระประธาน เป็นพระพุทธรูปที่มีนิ้วพระบาท ๖ นิ้ว
เรียกกันว่า "พระหกนิ้ว"
พระระเบียงคด มีทั้งหมด 8 หลัง แต่มีอยู่ด้านหนึ่งซึ่งหันเข้าหาบริเวณติดถนนหน้าวัด ลวดลายที่หน้าบันดังกล่าว มีลักษณะผิดประหลาดเป็นอื่น
กล่าวคือ เป็นตัวเลข 5 ไทยกลับด้าน เหมือนสะท้อนผ่านกระจกเงา
เรื่องตำนานเล่าว่า
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จวัดใหญ่สุวรรณารามเมื่อครั้งประพาสมณฑลราชบุรี ในปีระกา ร.ศ. 128 (พ.ศ. 2452) นับเป็นการเสด็จครั้งสุดท้าย
พุทธศักราช 2453 หรืออีก 1 ปีถัดมา พระองค์ก็เสด็จสวรรคต
เชื่อและเล่าสืบต่อกันมาว่า ขุนศรีวังยศเจตนาวางลวดลายเลข 5 กลับด้าน เพื่อเป็นการถวายความอาลัยระลึกถึงและสื่อความหมายไปยังพระองค์ท่านว่า
ได้เสด็จสวรรคตแล้ว และคงมิได้เสด็จฯ กลับมายังวัดใหญ่สุวรรณารามอีกต่อไป
และน่าจะเชื่อได้ว่า สัญลักษณ์เลข 5 กลับด้านดังกล่าว ซ่อนความเศร้าสะเทือนใจเอาไว้ล้ำลึก
ผมดูทีไรก็แอบเรียกขานอยู่ในความคิดโดยลำพังว่า เลข 5 ใจสลาย
ส่วนขุนศรีวังยศ เรื่องราวและประวัติชีวิตเกี่ยวกับตัวท่าน นับจากนั้นมา ก็ค่อยๆ เงียบหายไปจากการรับรู้ของผู้คน
กล่าวกันจนเป็นสำนวนคุ้นหูติดปากว่า ขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ นักรบชราคร่ำสงคราม ล้วนมิเคยล้มหายตายจากให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาใคร
ปวงท่านเหล่านั้น เพียงแค่ค่อยๆ เลือนหายทีละน้อย...อย่างลี้ลับ กระทั่งไร้ร่องรอยไปในที่สุด
และทิ้งตำนานอมตะเอาไว้ให้ผู้คนเล่าขานไม่รู้จบ
อีกตำนาน กล่าวไว้ว่า
สมเด็จพระสังฆราช (แตงโม) ได้สั่งให้ทำการติดเลข ๕ กลับด้าน ด้วยความหมายว่า รัชกาลที่ ๕ ผู้โปรดฯ ให้ยกวัดใหญ่สุวรรณารามเป็นพระอารามหลวงนั้น คงไม่ได้เสด็จมายังวัดแห่งนี้อีกแล้ว
หลวงพ่อท่านเล่าว่าเป็นความตั้งใจในระหว่างการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดใหญ่สุวรรณาราม เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้เสด็จสวรรคตลง
เสลดพม่า
เสลด จาม คือพม่าจามขวานทิ้งไว้
ร่องรอยบนประตูศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณาราม ไม่ใช่รอยแตกธรรมดา
แต่เป็นร่องรอยที่ บอกถึงประวัติศาสตร์ที่สำคัญเมื่อ 200

ด้านหลังพระประธาน เป็นพระพุทธรูปที่มีนิ้วพระบาท ๖ นิ้ว
เรียกกันว่า "พระหกนิ้ว"
ด้านหลังพระประธาน เป็นพระพุทธรูปที่มีนิ้วพระบาท ๖ นิ้ว
เรียกกันว่า "พระหกนิ้ว"
ขอบคุณ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น