งานประเพณีอัฐมีบูชา ณ วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง อุตรดิตถ์
วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ
พิกัด 17.601017, 100.055836
นางธนัญญา เชิดโฉม
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานแพร่ ซึ่งรับผิดชอบการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดแพร่ น่าน อุตรดิตถ์ กล่าวว่า งานอัฐมีบูชา หรือพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้าจำลอง และมีความเกี่ยวเนื่องกับวันวิสาขบูชา ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เป็น “วันวิสาขบูชา” และวันแรม 8 ค่ำเดือน 6 เป็น “วันอัฐมีบูชา”
จะมีพิธีแห่ผ้าห่มพระบรมธาตุพระราชทาน พิธีสลากภัต และมหรสพสมโภช มวยพื้นบ้าน และไฮไลต์สำคัญคือเวลา 17.30 น.ของวันที่ 9 มิถุนายน จะมีพิธีห่มผ้า “พระบรมธาตุทุ่งยั้ง” ประดับพระปรมาภิไธย “ส.ธ.” พระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเวลา 20.00 น. จะมีการแสดงแสงเสียงที่แสดงเรื่องราวของพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้าจำลอง
สำหรับผู้สนใจ ร่วมอนุรักษ์สืบสานประเพณีอันดีงามของจังหวัดอุตรดิตถ์ และร่วมบำเพ็ญกุศลทานบารมี รักษาศีล เผยแพร่ธรรมะ ณ วัดบรมธาตุทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
งานอัฐมีบูชานับเป็นงานวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นที่สำคัญของชาวอุตรดิตถ์ ที่มีการจัดงานสืบต่อกันมาช้านานกว่า 50 ปี มีเพียงไม่กี่แห่งที่ยังมีการรักษาประเพณีนี้ไว้ เป็นการน้อมจิตรำลึกถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตลอดจนพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญยิ่งต่อพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป และเป็นความเชื่อของพุทธศาสนิกชนว่าหากได้มีโอกาสร่วมพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้าจำลองจะได้รับอานิสงส์ผลบุญมาก
กิจกรรมภายในงานวันอัฐมีบูชา
จังหวัดอุตรดิตถ์ ประจำปี 2558 ระหว่างวันที่ 1 - 9 มิถุนายน 2558 ณ วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ชวนนักท่องเที่ยวและผู้สนใจร่วมงานประเพณีร่วมกันอนุรักษ์ สืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น และส่งเสริมให้ประชาชนเกิดความตระหนักเห็นคุณค่าในมรดกทางศิลปวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการสร้างจิตสำนึกและเจตคติที่ดีของพุทธศาสนิกชนต่อพระพุทธศาสนา รวมถึงสืบทอดงานประเพณีอัฐมีบูชาของชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ให้คงอยู่สืบไป
สำหรับกิจกรรมภายในงานวันอัฐมีบูชานั้น จะเริ่มต้นในวันที่ 1 มิถุนายน 2558 ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา มีพิธีเวียนเทียน เนื่องในวันวิสาขบูชา รอบพระบรมธาตุทุ่งยั้ง ขบวนแห่น้ำสรงพระราชทาน พิธีสรงน้ำพระบรมธาตุพระราชทาน พิธีแสดงพระธรรมเทศนา ส่วนในวันที่ 2 – 8 มิถุนายน 2558 มีกิจกรรมลานเทศน์ - ลานธรรม การแสดงพระธรรมเทศนาทุกวัน
สำหรับผู้สนใจ ร่วมอนุรักษ์สืบสานประเพณีอันดีงามของจังหวัดอุตรดิตถ์ และร่วมบำเพ็ญกุศลทานบารมี รักษาศีล เผยแพร่ธรรมะ ณ วัดบรมธาตุทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่
วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง โทร. 0-5581-6652,08-4493-99752
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ โทร. 0-5540-3093
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุตรดิตถ์โทร.0-5541-2729
ขอบคุณ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแพร่
เลขที่ 2 ถนนบ้านใหม่ ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ 54000
โทรศัพท์ 0 5452 1127 โทรสาร. 0 5452 1119
http://www.tourismthailand.org/phrae
http://www.easternlanna.org
E-mail : tatphrae@tat.or.th และ tatphrae@gmail.com
ประเพณีอัฐมีบูชา
ประเพณีอัฐมีบูชา หรือพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้าจำลอง เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของศาสนาพุทธ นอกเหนือจากวันเข้า-ออกพรรษา วันมาฆบูชา และมีความเกี่ยวเนื่องกับวันวันวิสาขบูชา (วันวิสาขบูชาองค์การสหประชาชาติได้เล็งเห็นถึงความสำคัญจึงประกาศให้เป็นวันสำคัญทางศาสนาด้วย) ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นทุกปี ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ถึงวันแรม 8 ค่ำเดือน 6 รวม 9 วัน ซึ่งในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เป็น “วันวิสาขบูชา” และวันแรม 8 ค่ำเดือน 6 เป็น “วันอัฐมีบูชา” เป็นการน้อมจิตรำลึกถึงองค์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตลอดจนพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญยิ่งต่อพุทธศาสนิกชนทั่วโลก ด้วยความเชื่อความศรัทธาของของชาวลับแลที่มีความผูกพันเลื่อมใสต่อพระพุทธศาสนา ที่ถ่ายทอดธรรมแห่งพุทธองค์จำลองเรื่องราวพุทธประวัติของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่ทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน โดยสอดแทรกความรู้ ปริศนาธรรม พระธรรมคำสอน ผ่านพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้า
กิจกรรมของประเพณีพิธีอัฐมีบูชา เริ่มต้นด้วย โดยชาวตำบลทุ่งยั้ง จะช่วยกันจัดจำลองพระบรมศพ หรือพระพุทธสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอิริยาบถไสยาสน์ ประดิษฐานในพระเมรุที่ตกแต่งด้วยวัสดุท้องถิ่นอย่างสวยงาม เมื่อถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 (วิสาขบูชา) มีการตั้งพระบรมศพฯ ณ ศาลาการเปรียญวัด พระบรมธาตุ มีกิจกรรมบำเพ็ญกุศลตามความเชื่อทางศาสนา ตักบาตร ทำบุญ สวดอภิธรรม และ เทศนาธรรม โดยหัวหน้าส่วนราชการหมุนเวียนกันมาเป็นเจ้าภาพทุกวัน จนกระทั่งถึงวัน แรม 8 ค่ำ เดือน 6 เวลาประมาณ 20.00 น. เมื่อเสร็จพิธีบำเพ็ญกุศลแล้ว จะเป็นการจัดกิจกรรมที่สำคัญ คือ “อัฐมีบูชา” พระภิกษุ พร้อมด้วยสามเณร ชาวบ้านทุ่งยั้ง ผู้นำชุมชน ประชาชน นักเรียนในท้องถิ่น จะร่วมกันแสดงบทบาทสมมุติเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติเมื่อครั้งสมัยพุทธกาลตั้งแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน แล้วนำมาสู่การถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้า โดยจัดในลักษณะการแสดงประกอบแสง-เสียง ลักษณะ Light & Sound ประกอบกับบรรยากาศค่ำคืนท่ามกลางโบราณสถานองค์เจดีย์ทรงลังกา และวิหารเก่าแก่ของวัดพระบรมธาตุ เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวพุทธประวัติ และพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จากนั้นผู้เข้าร่วมพิธีในงานจะมีส่วนร่วมในการบำเพ็ญกุศลด้วยการถวายดอกไม้จัน ดอกไม้ ธูปเทียน เป็นพุทธบูชา ซึ่งชาวอุตรดิตถ์ และประชาชนชาวไทย ได้ร่วมสืบทอดรักษาเอกลักษณ์นี้ไว้มาแต่โบราณกาล โดยยึดถือปฏิบัติดำเนินการต่อเนื่องมาหลายร้อยปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามของจังหวัดอุตรดิตถ์ และให้ชาวไทยได้ร่วมบำเพ็ญกุศลทานบารมี รักษาศีล เผยแพร่ธรรมะ
พิธีอัฐมีบูชาเริ่มต้นจากการจัดแสดงบทบาทสมมุติ ประกอบการบรรยาย อันประกอบไปด้วยพระสงฆ์ นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ที่แต่งตัวสมมุติเป็นเทวดา นางฟ้า พระอินทร์ พระพรหม เหล่าฤาษี ชี พราหมณ์ ตลอดจนกษัตริย์หลายพระองค์จากเมืองต่าง ๆ ตามพุทธประวัติ ตั้งแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และเน้นในตอนใกล้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน โดยบรรยายความว่าเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์สาวกได้เสด็จข้ามแม่น้ำหิรัญญวดีถึงเมืองกุสินาราจนถึงป่ารังของนครกุสินาราแล้ว มีรับสั่งให้พระจุนทะเถระ ลาดอาสนะลงบริเวณใต้ต้นไม้รังคู่หนึ่ง ให้หันพระเศียรไปทางทิศอุดร แล้วเสด็จประทับ สีหะไสยาสน์ตั้งพระทัยไม่เสด็จลุกขึ้นอีก พอย่างเข้ายามราตรีได้มีปริพาชกผู้หนึ่งชื่อสุภัททะมาขอเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา พระองค์ก็ทรงอนุญาตให้สุภัททะเข้าเฝ้าถามปัญหา และสุดท้ายสุภัททะได้ทูลขออุปสมบทและได้สำเร็จพระอรหันต์ ต่อจากนั้นพระบรมศาสดาก็ประทานปัจฉิมโอวาทแก่พระอานนท์และพระภิกษุทั้งมวล แล้วเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานในคืนวันที่ 15 ค่ำเดือน 6 คือวันวิสาขบูชา
-2-
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตั้งอธิษฐานก่อนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานว่า เพลิงจะติดก็ต่อเมื่อ พระมหาอริยกัสสปะซึ่งเป็นพระสาวกอาวุโส ได้เสด็จมาคารวะพระบรมศพเสียก่อน พระเพลิงก็ลุกโชติช่วงขึ้นเองเผาพระบรมศพจำลองมอดไหม้ไปในกองเพลิง
ต่อจากนั้นทุกคนก็รอการมาของพระมหาอริยกัสสปะและบริวารของท่าน เนื่องจากพระมหาอริยกัสสปะและคณะสงฆ์ส่วนหนึ่งในขณะนั้นได้ธุดงค์จาริกแสวงบุญอยู่ยังนครปาวาย ขณะเดียวกันก็มีอาชีวก (นุ่งขาวห่มขาว) ผู้หนึ่งเดินทางมาถึงสถานที่ปรินิพพานเพื่อน้อมรำลึกถึงพระคุณอันประเสริฐของพระศาสดา ครั้นมาถึงแล้วก็ตั้งใจถวายเครื่องสักการะพระบรมศพน้อมรำลึกถึงพระพุทธคุณ พระปัญญาคุณ และพระวิสุทธิคุณ ของพระศาสดา เสร็จแล้วก็กระทำทักษิณาวัตรเบื้องขวา 3 รอบ และถวายความเคารพอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็เก็บดอกมณฑารป ซึ่งเป็นดอกไม้จากสวรรค์ที่เทพยดาโปรยปรายมาจากเบื้องบนเพื่อเป็นเครื่องสักการบูชาพระบรมศพของพระพุทธองค์ เป็นเครื่องกันแดดระหว่างเดินทางกลับบ้านเมือง ระหว่างทางได้พบกับพระมหาอริยกัสสปะ ซึ่งกำลังพักร้อนใต้ร่มไม้ เมื่อเห็นอาชีวกถือดอกมณฑารปก็ทราบทันทีว่า บัดนี้พระบรมศาสดาได้เสร็จดับขันธ์ปรินิพพานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะดอกมณฑารปจะบานใน 2 กาล คือ กาลตรัสรู้ และกาลปรินิพพานของศาสดาเท่านั้น พระมหาอริยกัสสปะจึงรีบพาบริวารรอนแรมจากนครปาวาย ตรงไปยังกุสินารานคร เพื่อไปยังสถานที่ปรินิพพาน ครั้นไปถึงแล้วก็วางกลด บาตรและกาน้ำไว้ในอันที่ควร นำบริวารเข้าไปสถานที่ตั้งพระบรมศพ ถวายความเคารพพระบรมศพ กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัยแล้วทำทักษิณาวัตรเวียนเบื้องขวา 3 รอบ ตามประเพณีเสร็จแล้วยืนถวายความเคารพครั้งหนึ่ง ประนมอัญชลียืนตรงพระบรมศพ ด้านพระบาท ยกมือวันทาขอขมาแล้วน้อมเศียรถวายความเคารพเบื้องบาทยุคล ในโอกาสเดียวกันนั้น พระยุคลบาทก็ทะลุจากหีบแก้วออกมารองรับความเคารพ ที่พระอริยกัสสปะถวายความเคารพ ความกตัญญูอย่างอัศจรรย์ และบัดนั้นเอง พระเตโชธาตุ (ไฟที่ติดขึ้นเอง) ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็รุ่งโรจน์โชตนาการขึ้นเอง เผาศพจำลองมอดไหม้อยู่ในกองเพลิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น